เรื่องแปลกชวนขนลุก ตำนานความเชื่อ ความเชื่อแปลกประหลาด ที่หาคำตอบไม่ได้จนถึงปัจจุบัน
เรื่องแปลกชวนขนลุก ในโลกของเรานั้นมีเรื่องแปลกชวนพิศวงเกิดขึ้นมากมาย จนบางเรื่องเราเองไม่เคยจะได้ยินผ่านหูเลยด้วยซ้ำ ก็แน่อยู่แล้วเพราะโลกเรานั้นกว้างใหญ่อย่างมาก บางเรื่องที่มันห่างไกลจากตัวเราจึงสามารถที่จะ ไม่เคยผ่านหูเราได้แบบไม่ต้องสงสัย เรื่องแปลกเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ยังหาคำตอบไม่ได้ ว่าอะไรคือคำตอบของสิ่งที่เกิดขึ้นถึงแม้วิทยาศาสตร์ จะเข้ามาเกี่ยวข้องก็ตามแต่ก็ไม่สามารถอธิบายได้ จนบางครั้งก็อาจจะสรุปได้ว่า
ความก้าวล้ำทางวิทยาการ ของเราในปัจจุบันนั้นมันยังไม่เพียงพอ ที่จะให้คำตอบในเรื่องพวกนี้ได้นั่นเอง เรื่องแปลกชวนขนลุกเหล่านี้ ไม่ใช่เพียงเรื่องน่ากลัวผีสางไสยศาสตร์เสมอไปแต่อาจจะหมายถึง เรื่องราวแปลกๆ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้อาทิเช่น มนุษย์ที่เดินทางข้ามกาลเวลา หรือสัตว์โลกที่มีลักษณะประหลาด
เหมือนไม่น่าจะเกิดในยุคปัจจุบันได้ด้วยซ้ำ เป็นต้นสิ่งเหล่านี้คือเพียงตัวอย่างเล็กๆของเรื่อง ที่เรารวบรวมมาไว้ให้ในวันนี้กันว่า มีเรื่องอะไรแปลกๆที่ชวนให้ฉงนกันบ้างทั่วโลก เรื่องแปลกที่สุดของโลก จะมีเรื่องไหนบ้างที่น่าสนใจเดี๋ยวเราจะไปดูกัน แต่ต้องบอกก่อนว่าบางเรื่องก็อาจจะเป็นพวก ทฤษฎีสมคบคิดก็เป็นได้เพราะหลักฐาน
ในหลายๆเรื่อง ก็ไม่ได้มีชัดเจนมากมายนัก ขอให้เพื่อนๆใช้วิจารณญาณของตัวเองในการศึกษา เพื่อที่จะให้เกิดความคิดเป็นหลักเหตุผลมากที่สุดก็แล้วกัน เรื่องแปลกที่สุดของโลก เหล่านี้อาจจะรวมไปถึงปรากฎการณ์ทางธรรมชาติแปลกๆก็ได้ หรือแม้แต่เรื่องผีชวนหลอนไปเลยก็ได้ทั้งสิ้น จุดร่วมของเรื่องราวเหล่านี้ก็คือมันยังคง
ไม่สามารถหาคำตอบทางหลักวิทยาศาสตร์ได้นั่นเอง เรื่องแปลกที่สุดของโลก ส่วนใหญ่อาจจะมีหลักฐานจากรูปถ่ายหรือคลิปวิดีโอ ของผู้พบเห็นเป็นหลักซึ่งถ่ายเอาไว้ โดยที่ตั้งใจบ้างหรือไม่ตั้งใจบ้างก็ตาม หรือบางเรื่องก็ไม่มีหลักฐานให้เห็นเลยล้วนแล้วแต่เป็น เรื่องเล่าและทฤษฎีบางอย่างที่บอกต่อๆกันมาจนเป็นเรื่องราว
เรื่องแปลกชวนขนลุก ความเชื่อคนโบราณ ตำนานเรื่องเล่า กับเกาะฮาจิมะประเทศญี่ปุ่น
แต่หลายคนยังคงเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ ต้องมีบางเรื่องที่เป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอนเพียงแต่ มนุษย์โลกในตอนนี้ยังไม่สามารถก้าวล้ำไปถึง คำตอบของสิ่งเหล่านั้นได้จนบางที ปริศนาเหล่านี้อาจะถูกไขออกทีละเรื่องในอนาคตด้วยตัวมันเอง เรื่องแปลกที่สุดของโลก อาจจะหมายรวมไปถึงกิจกรรมแปลกๆด้วยก็ได้ เพราะหลายสถานที่ทั่วโลกก็มักจะมีกิจกรรม หรืองานอดิเรกแปลกๆที่ผู้คนทำกันอยู่ โดยที่ความแปลกนั้นเรียกได้ว่าสุดติ่งจนอาจะเกิดคำถาม
ว่าทำไปทำไมและเพื่ออะไรเพราะบางกิจกรรมนั้น ชวนน่าพิศวงและขนหัวลุกเป็นอย่างมาก ตำนานสุดหลอน มากันที่เรื่องแรกเลยกับเรื่องผีๆสางๆชวนขนหัวลุก ตำนานสุดหลอน กับสถานที่ระดับตำนานที่ประเทศญี่ปุ่น เกาะร้างHashimaนั่นเองที่ใครหลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ เพราะประเทศไทยเองก็เคยนำมา สร้างเป็นหนังแนวกึ่งๆ
สารคดีมาแล้ว โดยเกาะร้างฮาชิมะเป็นเกาะที่ตั้งอยู่กลางทะเลอย่างโดดเดี่ยว ความเชื่อคนญี่ปุ่น ซึ่งในอดีตนั้นเกาะแห่งนี้มีหน้าที่คุมขังนักโทษ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่2ก่อนที่จะมากลายเป็นเกาะร้างเช่นในปัจจุบัน ความเชื่อแปลกประหลาด นั่นทำให้เกาะแห่งนี้มีเรื่องราวที่เข้มข้นเกิดขึ้นอย่างมากในอดีต เกาะนี้ตั้งอยู่ที่จังหวัดนางาซากิ ตั้งตระหง่านโดดเดี่ยวสภาพในปัจจุบันนั้น
เรียกได้ว่าหลอนสุดขั้วมองเข้าไปจะเห็นภาพ บรรยากาศททมึนๆของตึกเก่าๆที่ร้างมาอย่างยาวนาน ประวัติความเป็นมาในอดีตก็คือว่าในช่วงสงครามโลกนั้น กองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์แรงงานชาวจีนและเกาหลีใต้ ที่ตกเป็นจำเลยในช่วงสงครามมตอนนั้นให้เข้ามา ความเชื่อแปลกประหลาด ทำงานในเหมืองถ่านหินที่อยู่บนเกาะแห่งนี้เพราะเกาะแห่งนี้ อุดมสมบูรณ์ไป
ด้วยถ่านหินจำนวนมากนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ทำให้เกาะฮาชิมะถูกพัฒนาจนกลายเป็น เหมืองถ่านหินขนาดใหญ่มากจนมีการอพยพแรงงานจำนวนมาก ให้เข้ามาตั้งถิ่นฐานที่เกาะแห่งนี้เพื่อประกอบอาชีพขุดถ่านหินนั่นเอง แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปถ่านหินไม่ใช่พลังงานที่ประเทศญี่ปุ่น ความเชื่อคนญี่ปุ่น นั้นมีความต้องการอีกต่อไปเพราะญี่ปุ่นนั้น ความเชื่อแปลกประหลาด หันไปให้ความสนใจในพลังงานน้ำมันแทน
เรื่องแปลกชวนขนลุก ลางบอกเหตุ สายมูต้องมี เรือผีสิงสุดโด่งดังที่ต้องปิดคดีไป แบบไม่ได้ข้อสรุป
จึงทำให้เกาะแห่งนี้ถูกปิดตัวและทำการอพยพผู้คนออกจากพื้นที่ในเวลาต่อมา ซึ่งแน่นอนว่าการขึ้นชื่อว่าเป็นเหมืองขนาดใหญ่นั้น ต้องมีความเข้มข้นในการทำงานอย่างมากรวมไปถึง ด้วยความที่เป็นที่คุมขังนักโทษด้วยนั่นทำให้การทำงาน ของเหล่าเชลยพวกนี้ไม่ได้เป็นการทำงานแบบสบายๆแน่นอน นั่นทำให้เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ว่าจะต้องมีคนบาดเจ็บล้มตาย ความเชื่อแปลกประหลาด ตรอมใจตายบ้างหรืออาจจะตายโดยการ
ถูกทรมานทารุณ ก็อาจจะเป็นไปได้ทั้งสิ้นทำให้เกาะแห่งนี้ ถูกปกคลุมไปด้วยดวงวิญญาณที่อาฆาตและโศกเศร้าเป็นจำนวนมาก ตำนานสุดหลอน มากมายที่ถูกเล่าต่อกันโดยคนที่เคยเข้ามาสัมผัสจริงๆ ความเชื่อคนญี่ปุ่น ยกตัวอย่างเช่นกองถ่ายภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่เคยเข้ามาถ่ายทำ และได้พบเจอเรื่องแปลกๆตลอดเวลาในการถ่ายทำ
อย่างเรื่องBattle Royaleผู้กำกับคินจิ ฟูกาซากุ ความเชื่อคนญี่ปุ่น ได้เปิดเผยว่า ในบางครั้งที่ถ่ายทำนั้นภาพในกล้องจะบันทึกผู้คนที่ ไม่ใช่ทีมงานของตัวเองหรือนักแสดงติดเข้ามาในฟิล์มเป็นประจำ ซึ่งก็หาคำตอบไม่ได้ว่าบุคคลนั้นคือใคร หรือจะเป็นการที่ฟิล์มจะเสียอยู่บ่อยครั้งทั้งๆที่พึ่งจะ เปิดใช้งานจึงเป็นไปได้ยากมากที่จะเสีย จนมาถึงเหตุการณ์
สุดหลอนมากที่สุดในครั้งนั้น ตำนานสุดหลอน กับการที่นักแสดงหญิงคนหนึ่งได้ถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง จึงต้องมีการพักการถ่ายทำกันไปช่วงหนึ่งเลยด้วย โดยหลังจากที่นักแสดงหญิงได้สติเขาก็ได้บอกกับทุกคนว่า เกาะแห่งนี้มีวิญญาณที่อาฆาตอยู่เป็นจำนวนมากเกินไป จนไม่สามารถที่จะมีใครไปไล่ให้พวกเขา ไปจากเกาะแห่งนี้ได้ทั้งนั้น
เขาจึงยืนยันเลยว่า สถานที่แห่งนี้สมแล้วที่ถูกยกเป็นหนึ่งในเกาะสุดหลอนของโลกใบนี้ นอกจากตำนานความหลอนในเรื่องผีสางแล้วนั้นยังเคยมีเรื่องเล่าแปลกๆ ความเชื่อคนญี่ปุ่น ตำนานเรื่องเล่า ที่เกิดขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่สองว่ากองทัพสหรัฐนั้น ได้ส่งเรือดำนำล่องมาที่เกาะแห่งนี้เพื่อเหตุผลทางการทหาร แต่เมื่อเรือดำนำโผล่ขึ้นมาที่เกาะแห่งนี้
เหล่าทหารกลับมองเห็นเกาะแห่งนี้ไม่ใช่เกาะ แต่เป็นเรือรบขนาดใหญ่จึงทำให้ไม่กล้าโจมตี ต้องล่าถอยทัพกลับไปแต่เรื่องนี้อาจจะเป็นเพราะ ด้วยลักษณะของเกาะแห่งนี้ที่มีรูปร่างเหมือนกับ เรือรบขนาดใหญ่จริงๆนั่นทำให้เหล่าทหารพวกนั้น อาจจะตกใจมองพลาดไปก็เป็นได้ มาที่เรื่องต่อไปกับเหตุการ์แปลกๆที่หาคำตอบไม่ได้
ความเชื่อสุดหลอน กับนักเดินทางข้ามเวลาที่น่าพิศวง กับภาพถ่ายที่พิสูจน์ไม่ได้ว่าจริงหรือเท็จ
เรื่องราวแปลกๆ กับนักเดินทางข้ามเวลาที่ตื่นเต้นชวนขนหัวลุกอย่างมาก จาภาพใบหนึ่งซึ่งเป็นภาพที่ถูกถ่ายในช่วงปี1940 โดยประมาณเป็นงานเปิดสะพานGold Bridgeในประเทศแคนาดา ซึ่งภาพนี้ถูกจัดวางไว้ที่พิพิธภัณฑ์บราลอร์น โดยความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นก็คือว่า เรื่องราวแปลกๆ ปรากฎว่าในภาพนี้มีชายคนหนึ่งที่ถูกสังเกตุได้ว่า มีการแต่งกายที่ไม่เหมือนผู้คนในยุคนั้นอย่างสิ้นเชิง ความเชื่อแปลกประหลาด โดยชายผู้นี้สวมแว่นกันแดดแบบแฟชั่น
ที่ดูล้ำสมัยเกินไป พร้อมทั้งเสื้อผ้าที่ใส่ก็เป็นเสื้อกันหนาวแบบมีฮู้ด และเสื้อยืดที่มีสัญลักษณ์แบบศตวรรษที่21 ที่สำคัญไปกว่านั้นคือกล้องในมือของเขาที่ถือไว้ ดูไม่เหมือนกล้องถ่ายรูปในยุค1940อย่างแน่นอน นั่นจึงทำให้หลายคนได้ข้อสรุปว่า ชายคนนี้คือนักเดินทางข้ามเวลาที่ถูกบันทึกภาพไว้แบบบังเอิญ เรื่องราวแปลกๆนี้สร้าง
ความฉงนงงงวยกันอย่างมาก ว่านี่คือความจริงหรือไม่ในอนาคตเราจะสามารถ เดินทางข้ามเวลาได้จริงๆหรือไม่ ถือว่าเป็นเรื่องราวแปลกประหลาดอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเคสเลยเกี่ยวกับ นักเดินทางข้ามเวลายกตัวอย่างเช่น ในภาพยนตร์ของชาลี แชปลิ้นดาราตลกชื่อดังก้องโลกในยุค1930 ได้มีการถ่ายติดภาพหญิงสาว
คนหนึ่งที่เดินทำท่า เหมือนใช้โทรศัพท์มือถือคุยผ่านฉากไป นั่นทำให้คนเกิดข้อสงสัยถึงเรื่องแปลกนี้ เรื่องราวแปลกๆ ว่าสมัยนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถืออย่างแน่นอน แต่บางคนก็สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นเครื่องช่วยฟังในยุคนั้นก็เป็นได้มากกว่า รวมเรื่องแปลก มาต่อกันที่เรื่องราวชวนขนหัวลุกกับเรือผีสิง แคร์โรลล์ เอ เดียริ่ง ที่รู้จักกันใน
ฐานะเรือใบการค้าสัญชาติอเมริกา ที่นับได้ว่าเป็นเรือผีสิงที่โด่งดังที่สุดลำหนึ่งของโลก เรื่องราวเริ่มต้นต้องย้อนกลับไปในปี1921 เรือลำนี้ได้ออกเดินทางจากบราซิล ริโอ เดอ จาเนโรเพื่อมุ่งหน้ากลับสหรัฐอเมริกาที่เมืองพอร์ตแลนด์ โดยสิ่งที่ชวนพิศวงก็คือว่าหลังจากวันที่ออกเรือจากบราซิล ความเชื่อแปลกประหลาด เจ้าหน้าที่ชายฝั่งคนหนึ่งของแหลมลุกเอาท์
ความเชื่อสุดแปลก ที่ใครๆต่างสงสัยในคำตอบ กับสัตว์ประหลาดBigfootที่ตัวใหญ่ ขนาดมหึมาทางตอนเหนือของสหรัฐฯ
ได้สังเกตุเห็นเรือลำนี้แล่นมาในเส้นทางที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะจากเส้นทางที่ได้ลงบันทึกไว้เรือลำนี้จะต้อง เดินทางผ่านสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ที่จะแล่นมาในเส้นทางนี้ถ้าต้องผ่านจุดนั้น ทำให้เขาสั่งการเจ้าหน้าจำนวนหนึ่งออกเรือเพื่อไปตรวจ ว่ามีความผิดปกติอะไรหรือไม่ ปรากฎว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่เหล่านั้น ได้ออกไปพบถึงกับทำให้เกิดความ แปลกประหลาดอย่างมากเพราะเรือแคร์โรลล์ เอ เดียริ่งลำนี้ไม่มีผู้โดยสารแม้แต่คนเดียวอยู่บนเรือ
แต่กลับพบอาหารบันทึกเดินเรือ และเครื่องใช้ส่วนตัวของผู้คนอยู่มากมาย โดยหลังจากการตรวจสอบพบว่า สมอเรือและเครื่องนำทางหายไปพร้อมด้วย หางเสือเรือก็พังเสียหายจึงได้เริ่มทำการสืบสวนขึ้นทันที ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น และผู้โดยสารหายไปไหน รวมเรื่องแปลก ปรากฎว่าหลังจากทำการสืบสวนอยู่1ปีเต็มก็ไม่ได้คำตอบ
ที่เป็นข้อสรุปเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่จนสุดท้าย จึงต้องยุติการสืบสวนไปในที่สุดโดยที่ยังหาคำตอบไม่ได้จนถึงปัจจุบน รวมเรื่องแปลก มาที่เรื่องต่อมากับสัตว์ประหลาดสัตว์ลึกลับ ที่มีผู้คนพบเจอร่องรอยของมันในปัจจุบัน อย่างไอ้ตัวที่ชื่อBigfoot ของแปลกในโลก ความเชื่อแปลกประหลาด สัตว์ลึกลับที่มีความคล้ายคลึงกับเยติมากที่สุด มีรูปร่างคล้ายมนุษย์
แต่ลำตัวสูงใหญ่เกินมนุษย์ไปมาก โดยการค้นพบร่องรอยเกิดขึ้นแถบสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ในทวีปอเมริกาเหนือเป็นส่วนมาก โดยเหตุการณ์แรกที่เริ่มมีการกล่าวถึงBigfoot คือในปีค.ศ. 1811 ในเมืองจัสเปอร์ประเทศแคนาดา มีการพบรอยเท้าบนหิมะซึ่งมีขนาดยาว14 นิ้วกว้าง 8 นิ้ว หลังจากนั้นก็มีคนที่พบเห็นBigfoot
แบบตัวเป็นๆเรื่อยมาตามคำบอกเล่า ของแปลกในโลก โดยยังไม่เคยมีภาพถ่ายที่เห็นตัวมันจริงจัง หรือรู้ถึงที่อยู่หลักของมันจนถึงปัจจุบัน โดยการค้นพบเจ้าBigfootนี้เห็นได้มากที่สุดคือ เมืองลอนดอนในรัฐโอไฮโอโดยผู้คนพบรอยเท้าBigfootมากถึง122รอย ของแปลกในโลก ซึ่งถือว่าเป็นการค้นพบที่แปลกประหลาดอย่างมาก โดยรองเท้าเหล่านั้นได้ถูกหล่อปูนปาสเตอร์เอาไว้เพื่อศึกษา ความเชื่อแปลกประหลาด จนถึงในปัจจุบันนี้
มาถึงอีกสุดยอดสัตว์ยักษ์ในตำนาน ที่มีคนพูดกันว่าแท้จริงแล้วก็มีอยู่จริง บนโลกมนุษย์เรานี้แน่นอน ที่สร้างความหวาดหวั่นให้กับนักเดินเรือในอดีตมากที่สุด รูปร่างคล้ายหมึกกล้วย แต่ลำตัวยาวกว่าเสากระโดงเรือ เปรียบเทียบง่ายๆก็คือลำตัวมีความยาว มากกว่ารถบัสถึง3-4เมตรเลยทีเดียว ของแปลกในโลก อีกทั้งยังมีนิสัยดุร้ายโดยธรรมชาติ
มีบันทึกเป็นลายลักษ์อักษรครั้งแรก ที่นอร์เวย์ในหนังสือชื่อThe Natural History of Norway กล่าวถึงสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่เท่าเกาะขนาดย่อมๆเลยด้วย เรือโดยสารต่างพากันหวาดกลัวกันทั้งสิ้น ซึ่งบางคนก็ว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน ไม่มีทางเป็นความจริงไปได้ แต่กลับเป็นสัตว์ประหลาดเพียงชนิดเดียวบนโลก ที่มีความน่าจะเป็นสูงที่สุดว่าจะมีอยู่จริง ในบรรดาสัตว์ประหลาดรอบโลกนี้ ของแปลกในโลก ไม่มีตัวไหนที่จะมีมูลมากไปกว่าเจ้าหมึกยักษ์
หรือเจ้าคราเคนอีกแล้วเพราะนักชีววิทยาพบว่ามี หมึกสายพันธุ์Architeuthisที่มีความใหญ่ยาวเกินปกติเป็นอย่างมากอยู่ ความยาว30-40เมตรน้ำหนัก3ตัน มาพร้อมฟันอันแหลมคม พร้อมทั้งยังเป็นศัตรูทางธรรมชาติของวาฬสเปิร์ม ก็เพียงพอที่จะให้เชื่อว่า เจ้านี่อาจจะเป็นคราเคนในตำนานก็เป็นได้ ซึ่งตามบันทึกเดินเรือหลายฉบับ ก็เขียนถึงเรื่องการพบเห็นปลาหมึกยักษ์ที่กำลังต่อสู้อยู่กับปลาวาฬ อยู่บ่อยครั้งก็ทำให้น่าเชื่อได้ว่า
มันมีอยู่จริงๆในทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้นเอง มาถึงอีกหนึ่งเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่มีการศึกษา ภูมิประเทศของป่าฝนอเมซอนอยู่เสมอ ที่นักวิยาศาสตร์ต่างพบเจอเรื่องแปลกเมื่อพวกเขา พบลวดลายที่วาดบนพื้นดินจำนวนมาก ที่ถูกเรียกว่าจีโอกลิฟในพื้นที่ป่าอเมซอน พบเจอมากกว่า450ชิ้นทางตอนเหนือของบราซิล
ส่วนมากภาพเหล่านั้น มีอายุมากถึง3,500 ปีเลยก็ว่าได้โดยได้มีทฤษฎีมากมาย ที่อ้างว่าลวดลายดังกล่าวมีความหมายถึง การพบปะสนทนากันรวมไปถึงการประกอบพิธีกรรมบางอย่าง ของบรรดาพวกชนเผ่าในอดีตก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร